ถาม-ตอบ (Q&A)
อันตรายจากหมึกพิมพ์
โพสโดย
[D].HunTer
denza_dekzon@hotmail.com
ไอระเหยสารเคมี
Smiley หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าสารที่มาจากหมึกพิมพ์ หรือไอระเหยสารเคมีที่มาจากกระบวนการพิมพ์นั้นไม่อันตราย นอกเหนือจากส่งกลิ่นเหม็นแล้ว สารไอระเหยที่เกิดจากกระบวนการพิมพ์ยังประกอบไปด้วย AlcoholFormaldehydeVolatile Organic Compounds (VOCs) สารประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพเราทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งอีกด้วย

ดิฉันได้นำบทความคร่าวๆ จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เกี่ยวกับหมึกพิมพ์ไม่เปื้อนโรคมาฝากกันด้วยค่ะ 
และอยากจะขอประชาสัมพันธ์ สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการการพิมพ์ หรือสนใจเกี่ยวกับการพิมพ์ ขอเชิญไปงาน GASMA PRINTING 2012 เป็นงานแสดงเทคโนโลยีและวัสดุอุปกรณ์การพิมพ์ค่ะ ที่ BItec Bang Na ค่ะ วันที่ 19-22 กันยายน 2555 นี้น่ะค่ะ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ http://www.gasmaprint.com



หมึกพิมพ์ไม่เปื้อนโรค

  จุดเริ่มต้นเล็กๆ เพียงแค่คราบสีดำของหมึกพิมพ์จากหนังสือพิมพ์ ที่เปื้อนติดบนปลายนิ้วพร้อมด้วยกลิ่นฉุนได้จุดประกายความคิดให้นักธุรกิจผู้จัดจำหน่ายหมึกพิมพ์ในเครือบริษัทรายใหญ่ของไทยผันตัวเองมาเป็นผู้ผลิตหมึกพิมพ์จากน้ำมันถั่วเหลือง เจ้าของสิทธิ์บัตรรายที่ 2 ของโลก (รายแรก คือ สหรัฐอเมริกา)

                ทองดี ศรีกุลศศิธร กรรมการผู้จัดการบริษัท พาโนรามา ซอย อิ้งค์ จำกัด เดินหน้าพัฒนากระบวนการผลิตหมึกจากวัตถุดิบธรรมชาติอย่างจริงจังโดยร่วม กับหุ้นส่วนชาวเกาหลี ไม่นานก็สามารถพัฒนาสูตรลับ และกระบวนการผลิตได้สำเร็จ อีกทั้งมีสิทธิบัตร Hybrid Technology  Soy Ink ที่ผลิตจากVEGETABLE OIL BASE  เป็นรายแรกๆในโลก

                “หมึกพิมพ์ของผมผลิตจากน้ำมันพืชและถั่วเหลือง ย่อยสลายได้ตามธรรมชติ 100%  ไร้กลิ่นเหม็นของสารเคมี และไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน อีกทั้งสามารถรีไซเคิลได้ถึง 80%ขณะที่หมึกพิมพ์จากปิโตรเลียมสามารถรีไซเคิลได้เพียง 30%เท่านั้น ”

                ในการพัฒนาสูตรแบบลองผิดลองถูกนั้นทองดีและทีมงานคิดแบบภูมิปัญญาไทยโดยสกัดน้ำมันจากสบู่ดำและเมล็ดทานตะวันเป็นส่วนผสมทดแทนน้ำมันถั่วเหลือง 100%  ซึ่งเป็นสูตรลิขสิทธิ์ ของสหรัฐแถมยังราคาสูงเกินไป สำหรับตลาดโรงพิมพ์ทั่วไป

                สุดท้ายทองดีก็ค้นพลสูตรลับซึ่งประกอบด้วยสารสกัดน้ำมันจากพืชหลายชนิดผสมกัน และจากการทดสอบพบว่า พิมพ์ได้จริงในปริมาณมากกว่าหมึกพิมพ์น้ำมันถั่วเหลือง แถมยังย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เรียกว่าหลังจากอ่านแล้วฝังในดิน 28 วันย่อยสลายหมด  ไม่หลงเหลือสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อโลก
รักษ์สุขภาพ จุดเริ่มไอเดีย


                ย้อนกลับไปเมื่อปี 2539 จุดเริ่มต้นของการพัฒนาหมึกพิมพ์น้ำมันพืช ทองดีซึ่งคลุกคลีอยู่ในธุรกิจจำหน่ายหมึกพิมพ์มาเป็นเวลานาน ในฐานะทายาทบริษัท เจริญอักษร จำกัดผู้จำหน่ายหมึกพิมพ์รายใหญ่ของไทยพ่วงด้วยความรู้ด้านวิศวกรรมโยธาจากประเทศเยอรมนี มองเห็นว่า หมึกพิมพ์ใช้ในงานพิมพ์ต่างๆ ตั้งแต่การ์ดนามบัตร ซองกฐิน จนถึงหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ทำมาจากสารเคมีและน้ำมันปิโตรเลียม จึงมีกลิ่นเหม็นและน้ำหมึกติดมือ

                ต่อมาได้ศึกษาหมึกพิมพ์ที่ทำมาจากสารเคมีและน้ำมันปิโตรเลียมอย่าลงลึกกระทั่งพบว่า หมึกพิมพ์มีส่วนผสมของสารก่อมะเร็ง หรือ VOCs (Volatile Organic Compounds) ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกับที่พบในเขม่ารถยนต์ สามารถเข้าสู่ร่างกายด้วยการสัมผัสและสูดดมเป็นเวลานาน

มะเร็งปอด

                “ ชีวิตคนเราเลี่ยงไม่ได้จะสัมผัสกับหมึกบนสิ่งพิมพ์ตั้งแต่หลอดยาสีฟันยามตื่นนอนไปจนถึงหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแม้แต่บรรจุภัณฑ์ที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ “ ทองดีฉายภาพความเสี่ยงของคนไทย ที่รับสารก่อมะเร็ง จากหมึกพิมพ์

                เมื่อปัจจัยพื้นฐานพร้อมอยู่แล้ว ทั้งวิชาความรู้และเทคโนโลยี ของเจริญอักษร ผนวกกับวิสัยทัศน์ที่มองเห็นเทรนด์ของหมึกพิมพ์ปลอดสาร VOC ว่าจะเข้ามามีบทบาทแทนที่หมึกและเปิดตัวนวัตกรรมหมึกพิมพ์ปลอดสารพิษ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อม

                สิ่งที่เขาทำมาตลอด 15 ปี เรียกได้ว่ากำลังเปลี่ยนระบบอุตสาหกรรมการพิมพ์ ในส่วนผสมของหมึกพิมพ์ในแบบเดิมไปอย่าสิ้นเชิง จากที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถหลีเลี่ยงการทำปฏิกิริยาของสร  2 ชนิด ซึ่งทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง สะสมจนเกิดมะเร็งตับและมะเร็งโรงจมูก ขณะที่อุตสาหกรรมการพิมพ์ในเอเชีย อย่าประเทศญี่ปุ่นเองกำลังพยายามพัฒนาส่วนผสมของหมึกพิมพ์จากธรรมชาติ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ  สิ่งพิมพ์ทั้งหมดของสำนักพิมพ์คุรุสภา แก้วกระดาษในร้านสะดวกซื้อและบรรจุภัณฑ์ กว่า 50 %ไปจนถึงแพ็คเกจจิ้งของร้านฟาสต์ฟู๊ดอย่างเคเอฟซี

                ข้อดีของหมึกพิมพ์จากถั่วเหลืองอยู่ที่สามารถพิมพ์ได้บนวัสดุหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น กระดาษผ้า พลาสติก ไม้เมลามีน แผ่นฟลอยด์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร ซึ่งสามารถสัมผัสกับอาหารได้โดยตรงเนื่องจากหมึกพิมพ์จากธรรมชาติ อีกทั้งให้ความสว่างสดใส และความคมชัดของสีมากกว่าหมึกพิมพ์ทั่วไป
                ปัจจุบันนี้ทองดียังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาหมึกพิมพ์จากวัตุดิบธรรมชาติต่อไปแม้ประเทศไทยจะใช้หมึกพิมพ์ จากธรรมชาติไม่ถึง 50 % ขณะที่อเมริกาและญี่ปุ่น เริ่มบังคับให้ใช้หมึกพิมพ์จากธรรมชาติ 100 %  แต่กลับส่งหมึกก่อสารพิษมาขายให้กับประเทศอื่นแทน

                “ผมพูดอยู่เสมอว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างคนใครก็สามารถสร้างนวัตกรรมได้โดยอยากให้มองสิ่งที่เรามี เปลี่ยนในสิ่งที่เรามีให้แตกต่าง บางที การเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งหมด เพียงแต่เปลี่ยนความคิด ไม่หยุดนิ่งบางครั้ง ความคิดต้องเกิดขึ้นตลอดเวลา”ขมวดท้ายจากเจ้าแห่งนวัตกรรมหมึกพิมพ์รักษ์โลก


ข้อมูล :  จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพ  :  จาก http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/369080
โพสโดย : [D].HunTer
IP : 202.29.178.114
โพสเมื่อวันที่ : 31 ส.ค. 2559,15:08 น.
แสดงความเห็น
ความคิดเห็น :
ชื่อ :
อีเมล :
เบอร์โทร :
กรอกรหัส :