ถาม-ตอบ (Q&A)
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กประวัติและการก่อตั้งและเป้าหมายในการทําfacebook
โพสโดย
sad
wb867418@gmail.com

ประวัติ

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
Mark Zuckerberg at the 37th G8 Summit in Deauville 018 v1.jpg
ซักเคอร์เบิร์กที่งาน 37th G8 summit ในปี ค.ศ. 2011
เกิด มาร์ก เอลเลียต ซักเคอร์เบิร์ก
14 พฤษภาคม ค.ศ. 1984 (35 ปี)[1]
ไวต์เพลนส์ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ถิ่นพำนัก แพโลอัลโตรัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา[2]
ชาติพันธุ์ ยิว
จบจาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (จบแล้ว)
อาชีพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของเฟซบุ๊ก 
(ถือหุ้น 24% ในปี 2010)[3]
มีชื่อเสียงจาก ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊กในปี ค.ศ. 2004; กลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกเป็นของปี ค.ศ. 2008[4]
สินทรัพย์สุทธิ 76.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (มิถุนายน ค.ศ. 2018)[5]
ศาสนา ไม่มีศาสนา[6]
คู่สมรส พริสซิลลา ชาน
(2012 - ปัจจุบัน)
บุตร 2 คน
ญาติ แรนดี, ดอนนาและแอเรียล (พี่สาว)
บำเหน็จ บุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ ค.ศ. 2010
เว็บไซต์ facebook.com/zuck

การก่อตั้งและเป้าหมายในการทําfacebookซักเคอร์เบิร์กได้เปิดตัวเฟซบุ๊ก จากในห้องพักของเขาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 แรงบันดาลใจแรก ๆ ของเฟซบุ๊กอาจมาจากที่โรงเรียนฟิลิปส์เอกเซกเตอร์อคาเดมี ที่เขาเรียนจบปี ค.ศ. 2002 โดยที่เผยในเว็บไซต์ของเขาคือ สารบัญรูปนักศึกษาของเขา ที่นักศึกษาหมายถึง "เดอะเฟซบุ๊ก" มีสารบัญภาพ ที่มีภาพนักศึกษาทำกิจกรรมในหลาย ๆ โรงเรียน โดยนักศึกษาสามารถเข้ามาให้ข้อมูล อย่างเช่น ชั้นปีที่ศึกษา เพื่อนใกล้ชิด หมายเลขโทรศัพท์[7]

โดยในขณะนั้น เฟซบุ๊ก เริ่มต้นเพียงแค่ "Harvard thing" จนกระทั่งซักเคอร์เบิร์กตัดสินใจที่จะกระจายไปสู่มหาวิทยาลัยอื่น ๆได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมห้อง ดัสติน มอสโควิตซ์ โดยเริ่มจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยดาร์ตมัธ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก มหาวิทยาลัยคอร์เนล มหาวิทยาลัยบราวน์ และมหาวิทยาลัยเยล จากนั้นก็เข้าสู่โรงเรียนอื่น ที่มีความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ซักเคอร์เบิร์กได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองแพโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย กับมอสโควิตซ์และเพื่อนบางส่วน พวกเขาดัดแปลงบ้านเช่าเป็นสำนักงาน ในฤดูร้อนนั้น ซักเคอร์เบิร์กได้พบกับปีเตอร์ ทีล ที่ได้ให้ทุนกับบริษัท พวกเขาเริ่มก่อตั้งบริษัทแรกในกลางปี 2004 พวกเขาได้ปฏิเสธการเสนอขายเฟซบุ๊กกับบริษัทใหญ่ ๆ โดยในบทสัมภาษณ์ในปี 2007 ซักเคอร์เบิร์กอธิบายไว้ว่า

เขาพูดในนิตยสารไวร์ ในปี 2010 ว่า "สิ่งที่ผมใส่ใจมากเกี่ยวกับภารกิจนี้ ก็คือทำให้โลกเปิดกว้างขึ้น" ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน 2009 ซักเคอร์เบิร์กได้สอบถามคำแนะนำจากผู้บริหารระดับสูงด้านการเงินของเน็ตสเคป ปีเตอร์ เคอร์รี เกี่ยวกับยุทธวิธีสำหรับเฟซบุ๊ก

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ซักเคอร์เบิร์กรายงานว่า บริษัทมีผู้ใช้ 500 ล้านบัญชีรายชื่อ และเมื่อถามว่า เฟซบุ๊ก จะสามารถทำเงิน หรือสร้างปรากฏการณ์เพิ่มขึ้น เขาอธิบายว่า:

ผมคิดว่า เราสามารถ... ถ้าคุณดูว่าโฆษณาที่มีในแต่ละหน้ากินไปขนาดไหน เมื่อเปรียบเทียบกับการค้นหาข้อมูล ของเรามีน้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อหน้าและยอดการค้นหาปกติจะมีโฆษณาราวร้อยละ 20 ... นี่เป็นสิ่งง่ายที่ทุกคนจะทำ แต่เราไม่ใช่อย่างนั้น เราทำเงินให้พอที่เราจะดำเนินงานได้ เติบโตในอัตราที่เราต้องการ

ในปี 2010 สตีเฟน เลวี ผู้แต่งหนังสือเรื่อง Hackers: Heroes of the Computer Revolution ในปี ค.ศ. 1984 ได้เขียนเกี่ยวกับซักเคอร์เบิร์กไว้ว่า "เห็นชัดว่าเขาคิดว่าตัวเองเป็น"แฮ็กเกอร์" ซักเคอร์เบิร์กพูดว่า "มันโอเคที่จะสร้างสิ่งใหม่...ทำให้มันดียิ่งขึ้น"เฟซบุ๊กเริ่มให้มี" "งานแฮ็กคาธอน" ในทุก ๆ 6 ถึง 8 อาทิตย์ เปิดโอกาส 1 คืนให้ร่วมคิดและจบโครงการ 1 โครง โดยบริษัทให้จัดหาเพลง อาหารและเบียร์ สำหรับงานแฮกคาธอน และจะมีเจ้าหน้าที่ของเฟซบุ๊ก รวมถึงซักเคอร์เบิร์ก เข้าร่วมด้วย "แนวคิดคือคุณสามารถสร้างบางสิ่งให้ดีได้ใน 1 คืน" ซักเคอร์เบิร์กบอกเลวี "และเป็นบุคลิกของเฟซบุ๊กในปัจจุบัน...ซึ่งก็คือนิสัยส่วนตัวของผมด้วย"

ในปี นิตยสาร วานิตีแฟร์ ได้ให้ซักเคอร์เบิร์กติดอันดับ 1 ในปี 2010 ของรายชื่อ "100 อันดับ บุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในยุคข้อมูล" ในปี 2010 ยังติดอันดับ 16 ของการสำรวจประจำปีของ นิวสเตตส์เม็น ในหัวข้อ "บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก 50 อันดับ"

โพสโดย : sad
IP : 1.20.137.4
โพสเมื่อวันที่ : 04 ก.ย. 2562,14:25 น.
แสดงความเห็น
ความคิดเห็น :
ชื่อ :
อีเมล :
เบอร์โทร :
กรอกรหัส :